วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2561

มื้ออาหารของคนฝรั่งเศส

     

                     มื้ออาหารของคนฝรั่งเศส

       

                                           


คนฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับอาหารและมื้ออาหารมาก โดยมองว่าการกินเป็นศิลปะสาขาหนึ่งซึ่งมีความละเอียดอ่อน ตั้งแต่การรับประทานอาหารเป็นคอร์ส การเลือกไวน์ให้เข้ากับอาหาร การใช้เวลาไปกับการละเลียดอาหารอย่างไม่รีบร้อน ดื่มด่ำไปกับรสชาติและบรรยากาศ
ผู้ที่รู้จักศิลปะในการทานอาหารนี้เราเรียกว่า gourmet เป็นคำนาม ซึ่งมีที่มาจากคำว่า groumet/groumete หมายถึงคนรับใช้ผู้ดูเลด้านการเสิร์ฟไวน์ ดังนั้น ในระยะแรก gourmet จึงหมายถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการเลือกไวน์นั่นเอง แต่ต่อมาคำนี้ได้มีความหมายกว้างขึ้น และกลายมามีความหมายถึงผู้รู้จักศิลปะแห่งอาหารเช่นทุกวันนี้

เทศกาลในประเทศฝรั่งเศส

     

          งานฉลองที่มีสีสันและสนุกสนานตั้งแต่เช้ายันค่ำ จะหมุนเวียนจัดกันไปจัดตามเมืองต่างๆ ทั่วฝรั่งเศส งานเทศกาลที่จัดกันในปัจจุบันล้วนเป็นมรดกตกทอดสืบต่อกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต หมู่บ้านแต่ละแห่งจะต้องมีงานฉลองของตน และในแต่ละเมืองจะต้องมีเทศกาลของดีของเด่นประจำปีไว้สนุกสนานกัน
เช่น งานเดินขบวนคนยักษ์ (คนต่อขา) ของทางตอนเหนือของฝรั่งเศส งานคาร์นิวัลเมืองนีซ (Nice) งาน Ferias เมืองนีมส์ (Nîmes) และเมืองอาร์ล (Arles) งานประจำปีเมืองบายอน (Bayonne) หรือเมืองเบซิเยส์ (Béziers) ฯลฯ งานเหล่านี้เป็นที่รวมความสนุกสนานของชาวเมืองซึ่งยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นให้มาร่วมความบันเทิงด้วยกัน นอกจากงานเทศกาลต่างๆ ในเขตภูมิภาคแล้ว ฝรั่งเศสยังมีงานสำคัญประจำปีระดับชาติอีก 2 งาน ซึ่งทุกเมืองจะเฉลิมฉลองพร้อมๆ กัน งานแรกคืองานวันชาติ 14 กรกฎาคมซึ่งเป็นวันสำคัญที่เปิดตัวด้วยการสวนสนามของทหารเหล่าต่างๆ และจัดขึ้นอย่างใหญ่โตที่ถนนชองส์-เอลิเซ่ส์ (Champs-Elysées) อันเลื่องชื่อของปารีส พอถึงกลางคืนจะมีการจุดดอกไม้ไฟที่สวยงามตระการตา และมีงานเต้นรำที่สนุกสนานแบบฝรั่งเศสแท้ ส่วนตามเมืองใหญ่ๆ มักจัดการแสดงดนตรีกลางแจ้งให้ชมกันโดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู งานใหญ่งานที่สองคือ เทศกาลดนตรีซึ่งจัดขึ้นทุกวันที่ 21 มิถุนายน เทศกาลนี้เปิดโอกาสให้คนรักดนตรีทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นได้แสดงความสามารถกันเต็มที่และสุดเหวี่ยงในท้องถนนและทุกหนทุกแห่ง นอกจากนี้ยังมีเทศกาลเพลงคลาสสิค ละคร ละครสัตว์ และอื่นๆ อีกมากมายตลอดทั้งปี เพียงเท่านี้คุณก็คงพอรู้แล้วว่าในฝรั่งเศสความสนุกสนานเพลิดเพลินนั้นไม่มีการเว้นวรรคจริงๆ

สำหรับคนนอนไม่หลับ

     ราตรีที่หวานซึ้งหรือค่ำคืนที่เฮฮาเป็นบรรยากาศที่คุณเลือกได้ในสถานบันเทิงที่มีอยู่มากมายหลายแห่ง ถ้าคุณชอบดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในบรรยากาศที่เป็นกันเองแล้วล่ะก็ ตามเมืองใหญ่ๆ ของฝรั่งเศสมีบาร์ซึ่งเปิดเพลงทุกสไตล์ให้เลือกตามรสนิยม ทั้งลาติโน แจ๊ซ ไลท์ มิวสิค เว็บ เทคโน หรือแม้แต่เพลงอาหรับ... และถ้าใครยังไม่เหนื่อยอยากไปเต้นรำต่อ ก็ยังมีสถานบันเทิงขนาดยักษ์ที่เปิดเพลงมันๆ หลายสไตล์โดยดีเจจากทั่วโลก ให้นักดิ้นเท้าไฟได้สะบัดในทุกท่วงท่า ทั้งฮิปฮอป แจ็ซ โซล หรือเพลงแอฟริกัน ส่วนคุณที่ชอบลีลาศแบบหรูหรือบอลรูมแบบเก่าย้อนยุค ก็รับรองว่าไม่มีวันผิดหวัง และเมื่อยามเช้ามาถึงแต่คุณยังมีแรงเที่ยวต่อ ก็ยังมีที่ที่คุณจะได้สนุกส่งท้ายกันอีก

กีฬาในฝรั่งเศส

                                         



           สำหรับกีฬาในฝรั่งเศสที่นิยมเล่นกันมากคือ กีฬาเปตอง ซึ่งเริ่มเป็นกีฬาของแคว้น Midi ภาคใต้ของฝรั่งเศส ในฝรั่งเศสมีสถานที่เล่นสกี จะเล่นอยู่ในแถบภูเขา Alpes การเล่นสกีต้องมีครูฝึกสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ผู้เล่นสกีต้องนั่งกระเช้าซึ่งจะพาคุณขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเล่นสกี

ผลไม้ที่นิยมปลูกในฝรั่งเศส

                องุ่นเป็นผลไม้ที่มีมาในสมัยโบราณของยุโรป แต่ในปัจจุบันองุ่นสามารถปลูกได้ลักษณะอากาศทั่วไป องุ่นในฝรั่งเศสมี 3 ประเภท

- Raisins de table เป็นองุ่นที่ปลูกเพื่อใช้รับประทานสดมีมากมาย นิยมปลูกมากคือ องุ่นแดง บางชนิดเกือบดำรสหวาน องุ่นขาวปนเขียวเป็นองุ่นที่มีรสหวานจัด

- Raisins de cuve เป็นองุ่นที่ปลูกเพื่อทำเหล้าองุ่น มีทั้งชนิดสีดำ,แดง,ขาว และเขียว นอกจากนั้นกกากองุ่นที่เหลือจากการทำเหล้าสามารถทำนำส้มสายชูได้ ดังนั้นการปลูกองุ่นจึงเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญ

- Raisins secs เป็นองุ่นที่ใช้ทำลูกเกดลักษณะคล้ายองุ่นที่ทำเหล้าแต่น้ำตาลสูง ขนาดผลเล็กไม่มีเมล็ด ไม่นิยมทำเหล้าเพราะหวานจัด จึงนิยมนำมาทำผลไม้อบแห้ง


ฤดูกาลในฝรั่งเศส

ฝรั่งเศสเป็นประเทศหนาว   ในปีหนึ่งแบ่งออกเป็น  4  ฤดู   แต่ละฤดูจะกินเวลา  3  เดือน   วันเดือนที่กำหนดว่าเป็นวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของแต่ละฤดูนั้น   จริง ๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าอากาศจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นจริง ๆ   วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิบางปีในบางท้องถิ่นอากาศจะหนาวมากกว่าฤดูหนาวในบางถิ่น   ฤดูทั้ง  4  ของฝรั่งเศสมีดังนี้คือ

            1.  ฤดูใบไม้ผลิ   ( le  printemps )    ฤดูใบไม้ผลิเริ่มวันที่  21   มีนาคม   สิ้นสุดวันที่  21   มิถุนายน   ในฤดูนี้อากาศจะอบอุ่นขึ้น   ต้นไม้ที่โกร๋นปราศจากใบมาตลอดเวลา  3   เดือน   ในฤดูหนาวที่หนาวเย็นจะเริ่มผลิใบ   การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วมาก   ในเวลาไม่กี่วันหลังอากาศอบอุ่นต้นไม้จะผลิใบเขียวชอุ่ม   ปลายเดือนมีนาคมและเดือนเมษายนอากาศจะไม่แน่นอน   ในช่วงนี้จึงยังคงเก็บเสื้อโค้ตไม่ได้เพราะอากาศจะหนาวเมื่อไรก็ได้   บางทีอาจจะมีฝนตกบ้าง   อากาศจะดีจริง ๆ  ในเดือนพฤษภาคม   ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่สวยงาม   ฟ้าจะเป็นสีฟ้าใส   พระอาทิตย์ซึ่งไม่เคยปรากฏในฤดูหนาวเริ่มส่องแสง   ฤดูนี้ได้ชื่อว่าเป็นฤดูแห่งดอกไม้แห่งงานฉลองแห่งความรัก  ( la  saison  des  fleurs,  des  fêtes,  des  amours )   มีงานฉลองมากมาย   เช่น  พิธีรับศีลจุ่ม   พิธีแต่งงาน  ฯลฯ   สำหรับนักเรียนนักศึกษา   เดือนอากาศดีนี้หมายถึงการสอบปลายปีด้วย

            แม้ว่าฤดูใบไม้ผลิจะเป็นฤดูที่ทุกคนคิดว่าเป็นฤดูที่สวยงาม   อากาศดี   แต่ก็เป็นฤดูที่อากาศไม่แน่นอน   อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างไม่คาดหมาย  imprévisible   ก็ได้   แต่ฤดูใบไม้ผลิก็นับว่าเป็นฤดูที่ดีที่สุดฤดูหนึ่งของปี

            2.  ฤดูร้อน  ( l’été )    เริ่มวันที่  22   มิถุนายน   สิ้นสุดวันที่  22   กันยายน   ฤดูร้อนเป็นฤดูที่กลางวันยาวมาก   เมื่อกลางวันยาว   กลางคืนก็สั้นประมาณ  6 – 7  ชั่วโมง   กลางวันยาวในที่นี้   หมายความว่า   พระอาทิตย์ตกดินช้า   สามทุ่มหรือสี่ทุ่มยังไม่มืด   เมื่อไม่มืดก็มีความรู้สึกว่ายังไม่ถึงกลางคืน   ในประเทศสแกนดิเนเวียนนั้นในฤดูร้อน   กว่าพระอาทิตย์ตกดินหรือจะมืดก็ประมาณห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน   กลางคืนจะยาวประมาณ  6 – 7  ชั่วโมง    ฤดูร้อนในฝรั่งเศสอากาศร้อน   ผู้คนจึงไปชายทะเล   ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งวันหยุด   ผู้คนเฝ้ารอฤดูนี้เพื่อจะได้ไปเที่ยวทะเล   เพื่อจะได้อาบแดด   เพื่อจะได้รับประทานผลไม้สด ๆ  เช่น  สตรอเบอรี่   แต่ในฤดูร้อนผลไม้ยังไม่อร่อย   ต้องรอให้ผลไม้สุกเสียก่อน   ฤดูร้อนบางปีอากาศอาจจะไม่ดีฝนตกบ่อย ๆ  ฤดูร้อนที่อากาศไม่ดีเรียกว่า   été  pourri   ความหมายก็บอกว่าไม่เพลิดเพลิน   เป็น  “ฤดูร้อนที่เน่าเสีย”   คาดว่า   “été  canicule”   หมายถึงช่วงต้นฤดูร้อนที่อากาศร้อนมาก   บางเมืองอากาศจะร้อนมาก   อุณหภูมิที่สูงสุดในฤดูร้อนในฝรั่งเศสประมาณ  30  องศาเซลเซียส   ซึ่งร้อนมากสำหรับประเทศหนาว   ทำให้คนอยากไป   vacances   โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองใหญ่อย่างปารีส

            3.  ฤดูใบไม้ร่วง   ( l’automne )   ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มต้นวันที่  23  กันยายน   สิ้นสุดวันที่  21   ธันวาคม   อากาศที่สดใส   แดดจ้าในฤดูร้อนเริ่มเปลี่ยน   ท้องฟ้าสีเทา  ลมแรง   ใบไม้เริ่มเปลี่ยนจากสีเขียวมาเป็นสีเหลือง   กลางวันสั้นมากขึ้น   กลางคืนยาวขึ้น   ใบไม้สีเหลือง   แห้งและร่วง   ฤดูใบไม้ร่วงก็เหมือนฤดูอื่น ๆ  คือ  อาจจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศดี   หรือฤดูใบไม้ร่วงที่อากาศไม่ดี   คือ   ฝนอาจจะตกบ่อย   ตอนต้นฤดูอากาศมักจะดี   ตอนปลายฤดู  คือ   เดือนพฤศจิกายนอากาศจะไม่ดี   ท้องฟ้าเป็นสีเทาและมืดครึ้ม   ตอนที่ใบไม้ร่วง   ต้นไม้โกร๋นเป็นตอนที่เศร้า   แต่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยฤดูหนึ่ง   เพราะใบไม้ที่เปลี่ยนสีทำให้ฟ้าสวยงามหาที่เปรียบไม่ได้   ป่าไม้ในฤดูใบไม้ร่วง  ( ตอนต้นและตอนกลางฤดู )   จะใช้คำขยายว่า  coloré   ซึ่งหมายถึงระบายด้วยสีประดับด้วยสี  ( อันสวยงาม )   “ศิลปินมักจะให้ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่สวยที่สุด   เนื่องจากสีใบไม้ที่เปลี่ยนสีแตกต่างกันมากมายหลายสี   ซึ่งธรรมชาติเท่านั้นจะทำได้

            ทางใต้ของฝรั่งเศสอากาศจะไม่หนาว   แต่มีลมแรง  ( mistral )  ทางใต้จึงปลูกต้นไม้ที่สู้ลมได้   เช่น  ต้นมะกอก  ( olivier )    ต้นโอ๊ค  ( chêne  vert )    และต้นไม้ที่มีรากยาว ๆ  เช่น   องุ่น

            ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่ดีที่สุดของคนบางกลุ่ม   คนฝรั่งเศสจำนวนหนึ่งที่ชอบล่าสัตว์จะถือปืนออกล่าสัตว์   ฤดูนี้เป็นช่วงที่คนในประเทศหนาวสามารถอยู่กลางแจ้งได้ก่อนที่ความหนาวจะคลืบคลานเข้ามาถึง

            4.  ฤดูหนาว   ( l’hiver )    เริ่มวันที่  22  ธันวาคม   สิ้นสุดวันที่  20  มีนาคม   ปลายฤดูใบไม้ร่วง   กลางวันสั้นมากขึ้น   ท้องฟ้ามืดครึ้ม   ฤดูหนาวในประเทศหนาวหรือประเทศฝรั่งเศสคือ  ความหนาว   ฝนและหิมะ   แต่ฤดูหนาวก็เหมือนฤดูอื่น ๆ  คือ   เป็นฤดูที่คนบางกลุ่มเฝ้ารอ   นั่นคือผู้ที่ชอบกีฬาฤดูหนาวและผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับกีฬาฤดูหนาว   เมืองที่อยู่บริเวณภูเขาและเป็นสถานีสกี   ( Stations  de  ski )   จะคึกคักและมีชีวิตชีวา

            ฤดูหนาวเป็นฤดูแห่ง   “sports  d’hiver”   ครอบครัวหรือโรงเรียนจะพาลูก ๆ  และเด็ก ๆ  ไปเล่นสกีบนภูเขาในช่วง   vacances  de  neige   ผู้เดินทางในการขับรถที่อยู่ในเขตภูเขาที่มีหิมะตกจะต้องมี   pneus  à  clous   หรือ   roués  avec  chaine     ซึ่งเป็นยางรถที่ใช้บนถนนที่ลื่นด้วย  vergla  ( ฝนปนหิมะ )    gel  ( น้ำที่แข็งตัว )    และ   dégel  ( น้ำแข็งที่ละลายแล้ว )   นอกจากเจ้าของรถจะต้องเตรียมรถของตนให้พร้อมที่จะแล่นไปบนถนนที่อันตรายแล้ว   ทางราชการก็เตรียม  chasse – neiges  ( รถกวาดหิมะ )   เพื่อเปิดทางหากหิมะตกมาก ๆ  บนทางหลวงก็จะมีกระสอบทรายและกระสอบเกลือวางไว้ประจำ

            ฤดูหนาวเป็นฤดูแห่งงานฉลอง   จะเห็นว่ามีเทศกาลหลายเทศกาลในฤดูนี้   เช่น   Fête  de  Saint – Nicolas,  Noël,  Nouvel  An,  Fête  des  Rois,  Carnaval

นอกจากจะได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอากาศปานกลาง   ( le  climat  doux   et   tempéré )   ของยุโรปแล้ว   อากาศในฝรั่งเศสยังแตกต่างกันตามลักษณะภูมิประเทศ   และลักษณะที่เด่นคือ   ความไม่แน่นอน   อากาศแต่ละฤดูไม่เหมือนกัน   และฤดูเดียวกันในแต่ละปีก็ไม่เหมือนกัน




การค้าต่างประเทศ

                 
    
      ในอดีตประเทศฝรั่งเศสขาดดุลการค้ามาโดยตลอดจนถึงปี พ.ศ. 2525 ซึ่งได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ เช่น การไม่รวมอัตรารายได้กับดัชนีเงินเฟ้อ และการปรับความสามารถในการแข่งขันส่งผลให้สภาวะการค้าของประเทศฝรั่งเศสดีขึ้น และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เป็นต้นมา ประเทศฝรั่งเศสก็ได้เปรียบดุลการค้าติดต่อกันเรื่อยมา โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ฝรั่งเศสได้เปรียบดุลการค้า คือ ราคาพลังงานที่ฝรั่งเศสต้องนำเข้าได้ลดลง ประเทศฝรั่งเศสทำการค้ากับสหภาพยุโรปเป็นสำคัญโดยร้อยละ 60 ของการส่งออกของฝรั่งเศสส่งไปยังตลาดสหภาพยุโรป ซึ่งเดิมถือว่าเป็นจุดอ่อนของประเทศฝรั่งเศส แต่สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้กลายเป็นข้อได้เปรียบ และการส่งออกสินค้ามูลค่าสูงเช่น เครื่องบินแอร์บัส และอุปกรณ์การบิน ดาวเทียม อุปกรณ์ด้านการทหาร และรถไฟความเร็วสูง (TGV) ได้ขยายตัวอย่างมากโดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของการส่งออกของประเทศฝรั่งเศสทั้งหมด

    แนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต คาดว่าประเทศฝรั่งเศสจะได้เปรียบดุลการค้าลดลง เนื่องจากการถดถอยของอุปสงค์โลก ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจเอเชีย ในปี พ.ศ. 2541 และการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ภายหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกาและสงครามในอิรัก

ภูมิประเทศของฝรั่งเศส

                                           
                    
                     ขณะที่ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรป (La Métropole หรือ France métropolitaine) ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ฝรั่งเศสก็ยังมีดินแดนที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ ทะเลแคริบเบียน อเมริกาใต้ มหาสมุทรอินเดียทางตะวันตกและทางใต้ มหาสมุทรแปซิฟิกใต้ รวมทั้งบางส่วนในทวีปแอนตาร์กติกาอีกด้วย (การอ้างสิทธิเหนือดินแดนในแอนตาร์กติกาไม่ได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ ดู สนธิสัญญาแอนตาร์กติก)

      ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปนั้นมีพื้นที่ 543,935 ตารางกิโลเมตร (210,013 ตารางไมล์) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งใหญ่กว่าประเทศสเปนเพียงนิดเดียว ประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมาก ตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ราบสูงมาซิฟซ็องทราลทางภาคใต้ตอนกลางและเทือกเขาพิเรนีสทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตกคือ ยอดเขามงบล็อง (Mont Blanc) ซึ่งสูง 4,807 เมตร (15,770 ฟุต) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บริเวณชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี
          ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปยังมีแม่น้ำต่าง ๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น แม่น้ำลัวร์ แม่น้ำการอน แม่น้ำแซน และแม่น้ำโรนซึ่งแบ่งที่ราบสูงมาซิฟซ็องทราลออกจากเทือกเขาแอลป์อีกด้วย โดยไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กามาร์ก ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในประเทศฝรั่งเศส (2 เมตร หรือ 6.5 ฟุต จากระดับน้ำทะเล) และยังมีกอร์ส (คอร์ซิกา) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
        พื้นที่ของประเทศฝรั่งเศส รวมทั้งจังหวัดและดินแดนโพ้นทะเล (ไม่รวมดินแดนอาเดลี) คือ 674,843 ตารางกิโลเมตร (260,558 ตารางไมล์) นับเป็น 0.45% ของพื้นแผ่นดินโลกทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามประเทศฝรั่งเศสครอบครองพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะเป็นอันดับสองของโลก ด้วยเนื้อที่ 11,035,000 ตารางกิโลเมตร (4,260,000 ตารางไมล์) นับเป็น 8% ของพื้นที่เขตเศรษฐกิจจำเพาะทั้งหมดในโลก ตามหลังสหรัฐอเมริกา ไปเพียง 316,000 ตารางกิโลเมตร และนำประเทศออสเตรเลียกว่า 2,886,750 ตารางกิโลเมตร

 ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปตั้งอยู่ระหว่าง 41° and 50° เหนือ บนขอบทวีปยุโรปตะวันตกและตั้งอยู่ในภูมิอากาศเขตอบอุ่นเหนือ ทางภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือมีสภาพภูมิอากาศเขตอบอุ่น แต่กระนั้นภูมิประเทศและทะเลก็มีอิทธิพลต่อภูมิอากาศเหมือนกัน ละติจูด ลองจิจูดและความสูงเหนือระดับน้ำทะเลทำให้ประเทศฝรั่งเศสมีภูมิอากาศแบบคละอีกด้วย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้มีสภาพภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ภาคตะวันตกส่วนมากจะมีปริมาณน้ำฝนสูง ฤดูหนาวไม่มากและฤดูร้อนเย็นสบาย ภายในประเทศภูมิอากาศจะเปลี่ยนไปทางภาคพื้นทวีปยุโรป อากาศร้อน มีมรสุมในฤดูร้อน ฤดูหนาวหนาวกว่าเดิมและมีฝนตกน้อย ส่วนภูมิอากาศเทือกเขาแอลป์และแถบบริเวณเทือกเขาอื่น ๆ ส่วนมากมักจะมีภูมิอากาศแถบเทือกเขา ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งกว่า 150 วันต่อปีและปกคลุมด้วยหิมะกว่า 6 เดือน

ที่มาและประวัติของชื่อ(ประเทศฝรั่งเศส)

         

                คำว่า ฝรั่งเศส (France) มาจากภาษาละติน Francia ซึ่งแปลตามตรงว่า ดินแดนแห่งแฟรงค์ (Frankland) และมีหลายทฤษฎีที่สันนิษฐานถึงที่มาของคำว่า แฟรงค์ (Franks) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือคำในภาษาโปรโต-เยอรมัน Frankon ซึ่งแปลว่า หลาว หอก หรือทวนซึ่งเป็นอาวุธของพวกแฟรงค์ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ฟรานซิสกา (Francisca)

              อีกทฤษฎีหนึ่งตามหลักนิรุกติศาสตร์คือในภาษาเยอรมันโบราณ คำว่า แฟรงค์ แปลว่า อิสระ ซึ่งตรงกันข้ามกับความเป็นทาส โดยคำดังกล่าวยังคงปรากฏในภาษาฝรั่งเศสปัจจุบันในรูป ฟรังก์ (Franc) ซึ่งเป็นสกุลเงินของประเทศฝรั่งเศสจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นสกุลเงินยูโรในปี พ.ศ. 2545

              ในปัจจุบันประเทศเยอรมนียังเรียกประเทศฝรั่งเศสว่า Frankreich ซึ่งแปลว่า อาณาจักรแห่งแฟรงค์ อีกด้วย

ประเทศฝรั่งเศส

                     

ฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: France) หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: République Française) เป็นประเทศที่มีศูนย์กลางตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ทั้งยังประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่น ๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษและทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก ชาวฝรั่งเศสมักเรียกแผ่นดินใหญ่ว่า หกเหลี่ยม (L'Hexagone) เนื่องจากรูปทรงทางกายภาพของประเทศ ประเทศฝรั่งเศสปกครองด้วยระบอบกึ่งประธานาธิบดี โดยยึดอุดมการณ์จากปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของมนุษย์และของพลเมือง
ประเทศฝรั่งเศสมีพรมแดนติดกับประเทศเบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี โมนาโก อันดอร์ราและสเปน และเนื่องจากประเทศฝรั่งเศสมีดินแดนโพ้นทะเลไว้ในครอบครอง ทำให้มีอาณาเขตติดกับประเทศบราซิลและซูรินาเม (ติดกับเฟรนช์เกียนา) และเนเธอร์แลนด์แอนทิลลิส (ติดกับแซ็ง-มาร์แต็ง) อีกด้วย นอกจากนั้นประเทศฝรั่งเศสยังเชื่อมกับสหราชอาณาจักรทางอุโมงค์ช่องแคบอังกฤษอีกด้วย
ประเทศฝรั่งเศสเคยเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจของโลกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นต้นมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 จักรวรรดิฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศจักรวรรดินิยมที่มีอาณานิคมในครอบครองมากที่สุดในโลก แผ่อาณาเขตตั้งแต่แอฟริกาตะวันตกจนถึงเอเชียอาคเนย์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากอิทธิพลทางวัฒนธรรม ภาษาและการเมืองการปกครองของดินแดนนั้น ๆ ประเทศฝรั่งเศสถูกจัดให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของโลก ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกว่า 82 ล้านคนต่อปี ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหภาพยุโรปและมีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอีกด้วย ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นประเทศผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ เป็นสมาชิกประชาคมผู้ใช้ภาษาฝรั่งเศสโลก จีแปด นาโต้และสหภาพละติน ประเทศฝรั่งเศสยังเป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติและเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่มีหัวรบนิวเคลียร์กว่า 360 หัวรบและเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 59 แห่ง

การศึกษาในฝรั่งเศส

                                 

                      การศึกษาในฝรั่งเศส

                     
   

การศึกษาภาคบังคับในประเทศฝรั่งเศส จะเริ่มตั้งแต่อายุ6ขวบถึง16ปี และการศึกษาในโรงเรียนต่างๆ จะเปิดโอกาสให้นักเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากมาย ระดับของโรงเรียนมีดังนี้
- Ecole Maternelle โรงเรียนอนุบาลจะเริ่มตั้งแต่อายุ 2 -6 ขวบ
- Ecole Primaire โรงเรียนประถมศึกษาตั้งแต่อายุ 6 - 12 ขวบ
- College นักเรียนในระดับนี้เมื่อจชั้นนี้แล้วก็จะได้รับใบประกาศนียบัตรชั้นต้น
- Lycee เป็นการศึกษาในระดับสูงขึ้นถ้าเปรียบเทียบกับของไทยก็คือมัธยมศึกษาตอนปลายเมื่อจบการศึกษาระดับนี้แล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรชั้นสูงสามารถนำไปเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยได้ ปี
การศึกษาในประเทศฝรั่งเศสจะเริ่มตั้งแต่กันยายนและจบลงในเดือนมิถุนายน ทุกวันพุธนักเรียนจะไม่ไปโรงเรียน ทุกวันเสาร์และอาทิตย์อีกเช่นกัน

Fête nationale française

                         

             Fête nationale française

     Pour les articles homonymes, voir Quatorze-Juillet.
                   


Le 14 Juillet est la fête nationale de la République française. C'est un jour férié en France.
Elle a été instituée par la loi en 1880,pour commémorer la prise de la Bastille du , symbole de la fin de la monarchie absolue ainsi que la Fête de la Fédération de 1790, symbole de l'union de la Nation. La loi ne mentionne pas quel est l'évènement commémoré : « La République adopte le 14 Juillet comme jour de fête nationale annuelle » (article unique).

Coupe du monde de football

          Coupe du monde de football


Cet article traite de la Coupe du monde de football masculin. Pour la Coupe du monde féminine de football, voir Coupe du monde féminine de football.
Wikipédia:Bons articles Vous lisez un « bon article ».
                                       

Coupe du monde de football
Description de l'image FIFA World Cup wordmark.svg.
Généralités
SportFootball
Création1928
Organisateur(s)FIFA
Périodicité4 ans
Participants32 qualifiés[note 1]
(210 partants[note 2])
Site web officielfr.fifa.com/worldcup
Palmarès
Tenant du titreDrapeau : France France (2 titres)
Plus titré(s)Drapeau : Brésil Brésil (5 titres)
Meilleur(s) buteur(s)Drapeau : Allemagne Miroslav Klose (16 buts)
Plus d'apparitionsDrapeau : Allemagne Lothar Matthäus (25ap.)

ของไหว้ตรุษจีน

                                                  สำหรับในวันตรุษจีนนั้น จะมีการเตรียมของไหว้อย่างพิถีพิถัน แบ่งเป็นเนื้อสัตว์ ผล...